วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2558

"อุปฆาตกรรม" โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

"อุปฆาตกรรม" โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ


หลวงพ่อ ฤาษีฯ ตอบปัญหา เรื่อง "อุปฆาตกรรม" 


ผู้ถาม : " หลวงพ่อคะ อุปฆาตกรรม หมายความว่าอย่างไรคะ ... ? "

หลวงพ่อ : " คำว่า "อุปฆาตกรรม" หมายถึงว่า กรรมที่มาตัดรอนระหว่างชีวิต คือ มันยังไม่หมดอายุขัยก็ตายเสียก่อน แทนที่จะมีอายุครบ ๖๐ ปีตามอายุขัย แต่อายุ ๓๐ - ๔๐ ปี กรรมที่เป็นอกุศลกรรม คือ ที่เราทำบาปไว้แต่ชาติก่อนด้วยจากปาณาติบาตมาตัดชีวิตเสียก่อน "

ผู้ถาม : " มีวิธีที่จะพ้นกรรมประเภทนี้ไหมคะ อย่างเช่นถ้าเราปล่อยปลา หรือ สะเดาะเคราะห์ อะไรพวกนี้แหละค่ะ ... ? "

หลวงพ่อ :" ปล่อยปลานี่เขาถือว่าตัดอุปฆาตกรรมได้ เราปล่อยสัตว์ให้รอดนี่มันจะกันได้ แต่ที่ให้หมอดูไป "สะเดาะเคราะห์" หมอบอกว่าต้องเสียเท่านั้นเท่านี้ พอ "สะเดาะเคราะห์" เสร็จหมอหมดเคราะห์ไป ๓-๔ หมื่น คนที่สะเดาะเคราะห์เพิ่มเคราะห์ไป ๓-๔ หมื่น เป็นไง ... เราก็เอาแบบของเรานั่นแหละ ได้ผลแน่นอนกว่า "

ผู้ถาม : " ปล่อยปลาอะไรดีคะ ... ? " 

หลวงพ่อ :" เขาไม่จำกัดว่าปลาอะไร แต่ว่าปลานั้นจะมันต้องไม่ตาย ต้องเป็นปลาที่มีชีวิต "

ผู้ถาม :" บางคนเขาก็บอกว่า ปลาที่เราปล่อยแล้วจะทานไม่ได้ใช่ไหมคะ ... ? " 

หลวงพ่อ :" ถ้าปลานั้นมันจะต้องตาย เราก็เอาไปปล่อยเพื่อเป็นการช่วยชีวิต จะเป็นปลาอะไรก็ตาม สัตว์อะไรก็ตาม เราปล่อยให้มันรอดชีวิตเป็นเมตตาจิตใช่ไหม จะต้องไปนั่งเลือกทำไม บางคนเลือกปล่อยปลานั้นปลานี่ บางทีปลาไม่ค่อยจะตายก็ปล่อย "

ผู้ถาม :" แล้วเราจะปล่อยแทนคนอื่นได้ไหม... ? " 

หลวงพ่อ :" ได้ ... แต่ว่าเขาไม่มีผลนะ "

ผู้ถาม :" ถ้าเราปล่อยแล้ว เราอุทิศส่วนกุศลได้ไหมคะ ... ? " 

หลวงพ่อ :" ถ้าเขายังไม่ตาย ไปอุทิศส่วนกุศลเขาจะได้รับยังไงล่ะ เราเอาแบบนี้ซิ เราก็เอาปลาไปให้เขาซิ บอกว่าตั้งใจปล่อยปลานะ ฉันหาปลามาปล่อยให้ปลามันรอดชีวิต เท่านั้นแหละถ้าเขาอนุโมทนา คือ ยินดีด้วยความเต็มใจ เป็นอันว่าเราปล่อยสัตว์ด้วยมีจิตเมตตา คิดจะช่วยให้รอดพ้นจากการถูกขังก็ดี เห็นว่ามันจะต้องตายก็ดี อันนี้เป็นของดี เป็นการช่วยชีวิตเขา และเราก็รอดพ้นจากอุปฆาตกรรมด้วย "

ที่มา : หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 1

ผู้ที่นับถือศาสนาอื่น ถ้าตายไปแล้วจะไปนรกหรือสวรรค์หรือเปล่า โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ผู้ที่นับถือศาสนาอื่น ถ้าตายไปแล้วจะไปนรกหรือสวรรค์หรือเปล่า
โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน


ผู้ถาม ผู้ที่นับถือศาสนาอื่น ถ้าตายไปแล้วจะไปนรกหรือสวรรค์หรือเปล่าครับ…?
หลวงพ่อ ไปทุกศาสนานะคุณ คือว่าสวรรค์หรือนรกนี่ก็มีเหมือนกัน เรือนจำนี่เขาขังเฉพาะผู้ที่นับถือพุทธศาสนาหรือศาสนาอื่นด้วยล่ะ เขาขังทุกศาสนาใช่ไหม…นั่นฉันใด นรกหรือสวรรค์ก็เหมือนกัน ถ้าทำความชั่วก็ไปนรกแห่งเดียวกัน

ผู้ถาม ถ้าผมทำความดี ผมจะได้เกิดมาในศาสนาพุทธไหมครับ…?
หลวงพ่อ ถ้าคุณทำความดี อีกกี่ชาติๆ คุณก็พบศาสนาพุทธตลอด

ผู้ถาม อย่างนี้ก็หมายความว่า ศาสนาอื่นไม่ดีเท่าศาสนาพุทธซิครับ…?
หลวงพ่อ เราจะว่าเขาไม่ดีก็ไม่ได้ ศาสนาทุกศาสนาเขาดีเหมือนกันแหละ แต่ว่าคุณปฏิบัติตามแนวทางศาสนาพุทธคุณก็เกิดในเขตของศาสนาพุทธ ถ้าคุณปฏิบัติในเขตของศาสนาอื่น เพราะจิตใจมันจับอยู่ในศาสดาองค์นั้น ก็ต้องไปเกิดในศาสนานั้น นี่เราจะไปถือว่าศาสนาอื่นไม่ดีไม่ได้ ศาสดาทุกองค์เขาต้องการให้คนเป็นคนดีทั้งหมด เขาจึงได้บัญญัติกฎปฏิบัติขึ้นมา แต่ว่าถ้าจะถือคุณธรรมของศาสนากันจริงๆ แล้วละก็ของเรามีต่างกับเขาอยู่นิดหนึ่ง ที่เรามีอริยสัจ ศาสนาอื่นเขาไม่สอนด้านอริยสัจ ของเรามากกว่าเขาหน่อย จะดีกว่าหรือไม่ดีกว่า ก็เป็นเรื่องของการพิจารณาของคนนะ อาตมาเป็นพระในศาสนาพุทธ จะมายกย่องศาสนาพุทธมากเกินไปมันก็ไม่ดี ดีหรือไม่ดี พระพุทธเจ้าบอกว่า เชิญมาพิสูจน์เอง

ผู้ถาม แล้วศาสนาคิด…มีการตกนรกหรือเปล่าครับ…?
หลวงพ่อ ศาสนาคิด…ถ้าคิดดีๆ ก็ยังไม่ตกนะ คิดหรือคริสต์ ถ้ามันยังคิดอยู่ ยังไม่ตาย ตกได้ยังไง
ผู้ถาม (หัวเราะ)
หลวงพ่อ เอาแล้วไง…นี่เป็นคนไทยยังพูดไทยไม่ชัดเลย มันตกเหมือนกันไม่ว่าศาสนาไหนก็ตกเหมือนกัน เพราะว่านรกไม่ใช่ของศาสนาหนึ่ง คำว่านรก มันเป็นแดนสำหรับการลงโทษสัตว์ เพราะว่าคนที่ทำความชั่วก็ต้องไปเหมือนกันหมด

ผู้ถาม แล้วเวลาที่ไปปรากฏกายในนรก สัตว์นรกจะแตกต่างกันด้วยผิวพรรณ เป็นไทย เป็นฝรั่งไหมครับ…?
หลวงพ่อ ที่นั่นมันเป็นผิวนรกทั้งหมดรูปร่างก็เป็นรูปร่างของนรกทั้งหมด ถ้าไม่เชื่อคุณก็ลองไปดูซิ เอาขุมไหนก็ได้

ผู้ถาม กระผมยังไม่มีความสามารถจะฝึกได้ครับ
หลวงพ่อ ไม่ใช่…ลงไปอยู่เลย
ผู้ถาม โอ้โฮ ไม่ไหวล่ะครับ แล้วทำไมมนุษย์เราจึงมากขึ้นครับ…?
หลวงพ่อ ก็ตายแล้วเกิดใหม่นี่ ถ้าไม่เกิดมันก็ไม่มากใช่ไหม ไอ้ที่เกิดใหม่ หรือมนุษย์มากขึ้น คุณอย่าลืมว่า ไอ้พวกสัตว์นั่นก็คือมนุษย์นะ ที่ทำความชั่วไปแล้วเกิดเป็นสัตว์ เปรต เป็นอสุรกาย สัตว์นรก ทั้งหมดก็คือมนุษย์ เทวดา หรือพรหมก็มนุษย์ เพราะรักษาความดี ถ้าหมดความดีก็ต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ พวกสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ถ้าหมดอำนาจความชั่วก็มาเกิดเป็นมนุษย์
ทีนี้ไอ้สัตว์ต่างๆ ที่คุณกินเข้าไปทุกวันๆ นะ คุณมั่นใจหรือว่าจะไม่มาเกิดเป็นมนุษย์ เข้าใจหรือยัง…อย่าลืมนะว่า สัตว์ทุกประเภทก็คือมนุษย์ที่สร้างความชั่วนั่นเอง

ผู้ถาม ครับ…เข้าใจแล้วครับ ผมเรียนถามอีกอย่างนะครับคือว่า…เมืองนรกอยู่ที่ไหน…?
หลวงพ่อ เมืองนรก เขาก็อยู่ที่เมืองนรก เมืองนรกจะไปอยู่ที่เมืองมนุษย์ไม่ได้ คุณอยากจะไปดูไหมล่ะ?
ผู้ถาม อยากครับ
หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ซินะ ถ้าคุณเป็นคนไม่มีมานะทิฏฐิคุณถือว่าคำสอนเป็นคำสอน คุณจะยอมรับปฏิบัติตามคำแนะนำของครู ถ้าคุณอยากจะรู้จักนรก สวรรค์ พรหมโลกหรือนิพพาน ไปพิสูจน์ได้ที่วัดท่าซุง ถ้าคุณมีความมั่นใจจริงๆ ไม่เกิน ๓ วัน ไปเที่ยวได้ แต่ว่าคุณจะต้องเชื่อครูนะ ไม่ใช่จิตของคุณมีมานะทิฏฐิอย่างนี้ไม่ได้ เหมือนกับคุณมาเป็นนักเรียนนายร้อย ถ้าคุณเรียนมาจากสถาบันอื่นแล้ว แต่ทว่าคุณมาโรงเรียนนี้เขาสอนวิชาทหารคุณถือว่าไม่ใช่ ฉันเคยเรียนมาอย่างนี้ อย่างนี้คุณก็ไม่มีโอกาสจบหลักสูตรนี้ได้ ถ้าคุณต้องการฝึกอภิญญาสมาบัติคุณไปวัดท่าซุงได้ เขามีฝึกกันทุกวัน

ที่มา : หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๓
(หน้า ๔-๖)

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

คำสอน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

เวลาที่สำคัญที่สุดของนักเรียนนักศึกษา คือตอนสอบไล่
เวลาที่สำคัญที่สุดของชีวิตคนเรา คือ อารมณ์จิตก่อนตาย
จะไปสวรรค์ พรหม พระนิพพานหรือแดนอบายภูมิ
ก็อยู่ที่จิตก่อนตายของท่านจะผ่องใสหรือเศร้าหมอง

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2558

วันพระแรก แห่งปี พ.ศ.2558

วันพระแรก แห่งปี พ.ศ.2558
วันที่ 4 มกราคม 2558
ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 2

สาธุ

คาถาความเป็น เศรษฐี โดยหลวงพ่อองอาจ

ใครที่อยากเป็นเศรษฐีลองดู

การเกิดเป็นชายและหญิง โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

การเกิดเป็นชายและหญิง
โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ท่านยืนยันว่า ผู้หญิงถ้าต้องการเป็นผู้ชาย ถ้าทำบุญให้ทานตามธรรมดา ๆ อธิษฐานขอเกิดเป็นชายนี้ย่อมได้ ทีนี้ถ้าผู้ชายต้องการเป็นผู้หญิงมีไหม มีนะ พวกกระเทยสมัยนี้ มาจากโทษกฏของกรรมเดิม ถ้าผู้ชายต้องการเกิดเป็นผู้หญิง ไม่ยาก เป็นชู้กับภรรยาเขา เรื่องเล็กน้อย เป็นคนมีเมตตาบารมีสูง เป็นชู้กับเมียเขาส่งเดช ตายจากความเป็นคนก็ไปลงนรก จากนรกก็มาเป็นเปรต จากเป็นเปรตก็เป็นอสุรกาย จากอสุรกายเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นสัตว์เดรัจฉานถูกทำลายเพศ ถูกทรมานร้อยชาติ เกิดมาเป็นคนก็เป็นบัณเฑาะก์ ต้องถูกทำลายเพศอีกประมาณร้อยชาติ ต่อมาก็เป็นกระเทยอีกประมาณร้อยชาติ จึงมาเป็นคนเป็นผู้หญิง
จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๕๓

เจ้ากรรมนายเวร โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

เจ้ากรรมนายเวร
โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

..เจ้ากรรมนายเวร หมายถึงบาปที่เป็นอกุศลที่เราได้ทำไว้กับคนและสัตว์ในอดีตชาติก็ดี ในชาติปัจจุบันก็ดี อย่างคนที่เราฆ่าเขาบ้าง เราทำร้ายเขาบ้าง เขาอาจจะไปเกิดเป็นเทวดาหรือพรหมแล้ว ถ้าเป็นเทวดาเขาไม่สนใจแล้ว แต่ไอ้ตัวบาปที่เราทำไว้ อย่างคนที่ไปขโมยของเขา เจ้าของเขาไม่ติดใจแต่ตำรวจมีหน้าที่ตามไม่ใช่อยากตาม แต่กฎหมายให้ตาม

ฉะนั้น กรรมหรือเวรตัวนี้คือกฎหมาย ถ้าหากปฏิบัติในขั้น สุกขวิปัสสโก ก็จะบอกว่าไม่มีตัวตนเพราะไม่เคยเห็น แต่ว่าตั้งแต่ เตวิชโช ขึ้นไปเขาเห็น ดังเรื่องที่อาตมาเล่าให้ฟังประกอบเรื่องนี้

เมื่อ พ.ศ. 2517 คืนหนึ่งอาตมาเจริญพระกรรมฐานเสร็จ ก็อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ขณะที่อุทิศส่วนกุศลก็มายืนกันมากแต่ไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวร เป็นคนมาโมทนาบุญ พอเขาโมทนากันเสร็จ ก็มีชายคนหนึ่งคลานเข้ามา ถือขวานเล่มใหญ่

พอเข้ามาใกล้ก็บอกว่า "ผมกับท่านหมดเรื่องกัน"
อาตมาก็ถามว่า "หมดเรื่องอะไร"
เขาก็บอกว่า "หมดเรื่องที่จะต้องติดตามจองล้างจองผลาญกัน"
ก็ถามอีกว่า "จองล้างจองผลาญฉันทำไม"
เขาก็บอกว่า "เปล่าครับ ผมไม่ได้จองล้างจองผลาญ"
ก็ถามว่า "แล้วเข้ามาทำไม"

เขาก็เลยเล่าประวัติความเป็นมาให้ฟังว่า "ในอดีตนับเป็นสิบ ๆ ชาติ ท่านกับผมรบกันมาเรื่อย" เป็นคู่สงครามกัน ตัวเขาเก่งขวานทุกชาติ ส่วนอาตมาเก่งดาบสองมือทุกชาติ ถ้าเวลาให้รบตัวต่อตัว ต้องเอาคู่นี้มารบกัน ถ้าคนอื่นหัวขาด พอถึงเวลากินข้าวก็บอกว่า "พักรบก่อน กินข้าวเสร็จมารบกันใหม่" วันนั้นทั้งวันไม่มีใครเสียท่ากัน

อาตมาถามว่า "มันมีเวรกรรมอะไรกันล่ะ"
เขาบอกว่า "กฎของกรรมเขาถือว่ามี แต่เวลานี้กฎของกรรมสลายตัวแล้ว"
ก็เลยถามว่า "เวลานี้ไปเกิดที่ไหน"
เขาก็บอกว่า "ผมเป็นพรหมครับ"
ถามว่า "พรหมยังจองกรรมหรือ"
เขาตอบว่า "ผมไม่ได้จองแต่กฎของกรรมมันจอง เรื่องของกรรมหนัก ๆ ระหว่างสงครามหมดกันแค่นี้"

เราอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร เขาจะได้รับหรือไม่ได้รับก็ตาม บุญที่เราทำเป็นผลให้เกิดความสุข ไอ้กรรมต่าง ๆ ที่เป็นอกุศลที่เราได้ทำไปแล้ว เราไปยับยั้งมันไม่ได้ แต่ทว่าถ้าเราทำกรรมดีให้มีกำลังเหนือบาป บาปต่าง ๆ ก็จะตามเราไม่ทันเหมือนกัน เรียกได้ว่า เป็นการทำบุญหนีบาป ไม่ใช่ทำบุญล้างบาป ทุกคนที่เกิดมาในโลกที่ไม่ทำความชั่วเลยน่ะไม่มี ดังนั้นถ้าเราจะชดใช้บาปก็คงจะชดใช้กันไม่ไหว มีทางเดียวในกิจของพระพุทธศาสนาคือ หนีบาป ด้วยการปฏิบัติดังนี้

1) การคิดถึงคุณพระรัตนตรัยคือ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระอริยสงฆคุณ
2) ทรงศีล 5 ให้บริสุทธิ์
3) มีพรหมวิหาร 4 ให้ครบถ้วน
4) มีอิทธิบาท 4 ทรงตัว
5) มีการภาวนาให้จิตทรงตัว
6) พยายามรวบรวมบารมี 10 ประการให้มีในจิตให้ครบถ้วน
7) พยายามตัดสังโยชน์ 10 ประการให้หมด
8) จรณะ 15 ปฏิบัติให้ครบถ้วน

เมื่อมีการทรงตัวดังกล่าวมาแล้วนี้ได้ทั้งหมด ก็เป็นอันว่าไม่ต้องเกิดกันอีกต่อไป นั่นคือตายเมื่อใดก็ไปพระนิพพานอันเป็นแดนที่มีความสุขที่สุด.."

*คัดลอกจากหนังสือ ตายไม่สูญ...แล้วไปไหน เรื่องที่ 175 หน้า 359 โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี