วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2557

เรื่องพระพุทธชินราช โดยพระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จาก หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา เล่ม ๔

เรื่องพระพุทธชินราช
โดยพระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
จาก หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา เล่ม ๔


ตามที่หลวงพ่อท่านได้สร้าง "พระพุทธชินราช" ประดิษฐานเป็นพระประธานไว้ที่วิหาร 100 เมตร เพื่อไว้สักการะบูชาของบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย พระพุทธรูปองค์นี้สร้างได้สวยสดงดงามมาก นอกจากญาติโยมทั้งหลายจะได้อานิสงส์ในการร่วมสร้างกันแล้ว หลวงพ่อท่านได้บอกว่า พระพุทธชินาชองค์นี้ ถ้าเกิดฝนแล้งจะอธิษฐานขอฝนก็ได้ 

ในโอกาสนี้จึงขอนำเรื่องราวของพระพุทธชินราช ที่หลวงพ่อเคยประสบเหตุการณ์มาแล้ว มาเล่าสู่กันฟัง...

เนื่องจากมีผู้หญิงคนหนึ่งนำพระพุทธชินราชมาให้หลวงพ่อปลุกเสก เมื่อหลวงพ่อปลุกเสกแล้ว บอกว่า "เอาพระพุทธชินรารมาให้เสก ไม่รู้ฉันจะเสกบทไหน...กลัวท่านจะเสกหัวฉันเข้าน่ะซิ" พอยกมือขึ้นอาราธนาบารมีท่าน...ท่านบอก "มันก็ยี่ห้อเดียวกับแก แกก็ติดชินราช"

ถูกของท่าน ที่ว่าถูกของท่านคือว่า พระพุทธรูปที่นำมาถวาย ถ้าหากว่ามันไม่เกินวิสัยจริงๆ ฉันต้องทำเรือนแก้วให้ได้ เพราะว่าฉันชอบชินราช เพราะอะไร... "ชินราข" เขาแปลว่า "ชนะ"

เหตุเกิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี
เรื่องพระพุทธชินราช เริ่มต้นมันมีอยู่คราวหนึ่ง คือว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่คิดว่าจะสร้างพระพุทธชินราช คืนหนึ่งก็เข้านอน ตอนหนุ่มๆนะ เป็นพระ ตื่นขึ้นมาตีสอง ตะเกียงมันก็ไม่ได้จุด มันมืดตื้อ เห็นขาวๆหน้าประตูด้านใน เหนือประตูขึ้นไป

ถามว่า "ใคร?" บอกว่า "ฉัน...พระพุทธชินราช"

ถามว่า "มายังไงครับ?" บอกว่า "จะมาอยู่ด้วย"

เราก็นึก เอ....ท่านจะอยู่ยังไง...พอคิดว่าท่านจะอยู่ยังไง...แล้วท่านก็หายไป แต่จิตเรารักพระพุทธชินราชอยู่ตลอดเวลาเพราะท่านสวย ดูแล้วดูไม่อิ่ม

แล้วก็ปีนั้นต่อมาอีก ๒ เดือน ฉันก็ไปอำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี แล้วก็จะไปเข้าที่อำเภออู่ทอง ตอนนั้นป่ามันมีเยอะ เราก็จะไปซื้อไม้ที่มันถูกต้องตามกฏหมาย คือว่าต้นไม้ออกจากโรงเรื่อยนี่มันถูก คือออกจากที่นี่มันถูก พอไปก็เอาเรือไปจอดที่ตลาดบางลี่ ก็มีเรือเรี่ยไรอยู่ลำ เขาจอดอยู่ทางด้านโน้น

พอเรือเราไปจอด ปรากฏว่าพวกผู้หญิง จีนบ้าง ไทยบ้าง แบกโตก แบกขันแตก แบกเครื่องทองเหลือง ลงไปเป็นแถวสัก 20 ราย ขนาดแบกไปเลยนะ

ไปถึงแวะไปทางเรือก็ถาม "ทำไมโยม...?"

บอก "เอาเครื่องทองเหลือง ทองขาวทำบุญ"

"อ้าว...ก็ลำโน้นเขาโฆษณาจะสร้างรอยพระพุทธบาท"
ไอ้เราเครื่องขยายเสียงก็ไม่มี จะไปซื้อไม้ เครื่องขยายเสียงจะมีได้ยังไงเล่า เขาถามว่า "จะสร้างอะไร?" บอก "ไม่ได้สร้างล่ะ จะมาซื้อไม้"

คนอื่นเขาก็กลับไปหมด ก็เหลือผู้หญิงจีนอยู่คนหนึ่ง แกไม่ยอมไป แกก็พูดอยู่อย่างนั้นแหละ ถาม"ไม่สร้างอะไรรึ?"

พูดไป พูดมา พูดมาพูดไป ก็นึกขึ้นมาได้ว่า เราคิดว่าจะสร้างพระพุทธชินราช แต่ว่ากำหนดไว้อีก ๓ ปีจึงจะสร้าง ไม่ได้สร้างปีนั้นเพราะเห็นว่าท่านมาคงจะเป็นสัญญลักษณ์ แกถามขึ้นมาก็เลยนึกขึ้นมาได้"ฉันจะสร้างเหมือนกันแหละโยม...แต่อีก ๓ ปี"

แกบอก "เอางี้ก็แล้วกัน ๓ ปี ฉันจะฝากไปด้วย"

ได้เรื่องเลย...ขันลงหินแกสวยมาก เราเห็นยังนึกเสียดายของเก่า แต่ว่าของเก่าหรือไม่เก่าเราเสียดายไม่ได้ เวลาสร้างต้องทุบกันแน่ ฝากไปด้วย ๓ ปี ก็ไม่เป็นไร เลยบอกว่า

"เอางี้ดีกว่าโยม เวลาที่ฉันจะสร้าง ฉันจะมาใหม่"

แกบอก "ไม่ได้หรอก ดีไม่ดีฉันจะตายเสียก่อน"

แกก็ให้สตางค์ ๑๐ บาทเป็นค่าแรงงาน ให้ค่าบำเหน็จแล้วแกก็เดินกลับบ้านไป แกกลับขึ้นไปมือเปล่านี่ พวกนั้นก็ถามว่า

"ขันแกไปไหนล่ะ?"

"ลำนั้นเขาสร้างเหมือนกันนะ แต่สร้างพระพุทธชินราช"

แกพูดเท่านั้นแหละ ยายพวกนั้นแบกลงมาอีกแล้ว

"ท่านทำไมโกหกฉันล่ะ?"

แล้วกัน แหม..ซวยเลย เราเสียยี่ห้อ บอก "ทำไมเล่า?"

"ก็ท่านจะสร้างพระพุทธชินราช ทำไมท่านไม่รับของล่ะ" ก็บอกว่า "อีก ๓ ปีนะโยม"

"อ้าว...ถ้ายังงั้นฉันก็ฝากบ้างสิ" แกก็เลยฝากไว้

ปรากฏว่า แกถือของลงมา ต่างคนต่างฝาก ก็ไม่ต้องนอนกันละ ปรากฏว่าเรือไม่มีที่นอน ทำยังไงล่ะ...มันชักจะยุ่งเสียแล้ว ก็คิดว่าเรื่องมันใหญ่ไปมากแล้ว เลยต้องตกบันไดพลอยโจน เช้าต้องจอดอยู่อีก เช่าเรือต่อเขาอีกลำ ของมันอยู่ในเรือยนต์เต็ม ก็เช่าเรือเขา เขาถามว่า "เช่าทำไม?" บอก "ใส่ของ"

เจ้าของเรือเขาก็ดี บอกว่า

"ไม่ต้องเช่า..วัดนี้ ถ้าวัดอื่นอาจจะต้องเช่า"

"เสียเวลานะโยม หลายวันนะ"

"เสียเวลาก็ไม่เป็นไร เรือไม่ได้ใช้"

เขาก็มาคุมเรือให้เอง เอาของใส่จอดอยู่ที่นั่น รุ่งขึ้นมึงมา กูมา ผลที่สุดเห็นท่ามันจะเต็มลำอยู่แล้ว ทองเหลืองทองขาวนะ ก็จะลากลับ กลับไม่ได้อีกแล้ว เรือวิ่งมาจะออกปากคลอง มึงเรียก กูเรียก ร้องไห้จะตาย ไม่มีที่ใส่ ก็นึกว่า เออ..ตกลงไม้เม้ย..ไม่ต้องหากันละ ไอ้เราอุตส่าห์ไม่เรี่ยไร วิ่งไปเรียบๆ มึงกวักกูกวัก กวักผ้าก็ต้องแวะ ต้องกลับมานอนที่เดิมใหม่ ผลที่สุดก็เลยขึ้นไปที่เทศบาล ถามว่า "มีเครื่องขยายเสียงไหม..ขอเช่า"

ปลัดเทศบาลก็แปลกเหมือนกัน บอกว่า "ถ้าวัดอื่นต้องเช่า แต่วัดนี้ไม่ต้องเช่า ผมให้พนักงานไปเสร็จ"

"เออ...ก็ดีเหมือนกัน มีคนร่วมมมือได้ด้วยดี...เสร็จ"

เป็นอันว่ากว่าจะถึงวัด ทองเหลืองทองขาวเต็มทั้งเรือต่อเรือยนต์ สมัยนั้นเงินมันยังแพงอยู่นะ ยังได้เงินมาอีก ๒ หมื่นบาท มันเป็นการบังคับว่าต้องทำแหงๆ ไม่ทำไม่ได้ ใช่ไหม..

ฝนตกตั้งแต่เริ่มสร้าง
เมื่อมาหาช่างก็รู้สึกว่ามันพอไปหมด เขาเรียกว่า "พอหมด" ทองก็พอ เงินก็พอ ไปถามเขาว่าจะเอาเท่าไร...ก็พออีก ยังขาดเงินอีกอย่างเดียว คือการจัดงาน อันนี้ไม่ใช่ของแปลก เป็นอันว่าของท่านครบเสร็จ เวลาจัดงานก็มาตกลงกับช่าง ช่างบอกว่า

"พอเริ่มปั้นหุ่น ฝนตกหนัก ปั้นหุ่นเสร็จ เอาสีผึ้งใส่ ฝนตกอีก เอาดินทรายทับ ฝนตกอีก"

เขาลากหุ่นไปจากกรุงเทพฯ ไปที่วัดบางนมโค พอไปถึง ฝนตกใหญ่ ทีนี้ก็มาถึงวันหล่อ ตามธรรมดาวันหล่อพระ ฝนต้องตกปรอยๆ ตกหยิมๆ จึงจะดี ใช่ไหม...วันนั้นไม่หยิมละ ล่อเม็ดโป้งๆเลย พอเทเสร็จฝนก็ลงจั้กๆ น้ำนอง พอเลิกแล้วหุ่นเย็นก็ให้ช่างทุบ ช่างไม่ยอมทุบหุ่น บอกว่า

"ลักษณะอย่างนี้ พระเสียหมด หมายความว่าจะยกหุ่นมากรุงเทพฯเลย แล้วก็มาแต่ง ถ้าเสียหายก็ต้องทำกันใหม่เลย"

ก็เลยบอกว่า "ไม่ได้หรอก งานมันยังมีอยู่ พิธีกรรมฉันเป็นคนทำนะ พิธีกรรมเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าหากว่าผลเสียหายเกิดขึ้น ก็แสดงว่าคนที่ทำพิธีกรรมน่ะทำไม่ถูก"

ช่างแกเกิดไม่ยอมทุบ ก็เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปาน ผลที่สุดก็ตัดสินใจ เสียเป็นเสีย ลักษณะฝนตกแบบนี้เขาต้องเสีย พอทุบหุ่นออกมาแล้ว เรียบร้อยเกือบไม่ต้องแต่ง อีตาช่างน้ำตาไหล บอกว่า "ผมไม่เคยเจอะเลย"เพราะยังไงๆก็ต้องมาแต่งที่กรุงเทพฯให้เรียบร้อย เอาตะไบขัดให้ดี ใช่ไหม...แล้วก็ปิดทองเสร็จ เขาก็เอาไป

พอดีฝนมันแล้งจัด ชาวบ้านเขาจะไปเล่นนางแมวนางหมาอะไรนั่นแหละนะ แบบสมัยเก่า ฉันก็ไปยืนที่หน้าต่าง ถามเขาว่า "ทำไมเล่า?" บอก "จะไปเล่นขอฝน"

บอกว่า "กลับไปเถอะ พรุ่งนี้เขาจะเอาพระพุทธชินราชมาจากกรุงเทพฯ ฝนจะตกตลอดตามที่ต้องการ" ไอ้เราก็โม้ไปอย่างงั้นละ โม้ส่งเดช เจ้าพวกนั้นทำยังไง...วันรุ่งขึ้นมันก็มากันเต็มวัดเลย ไม่ใช่ตำบลเดียว ๒-๓ ตำบล ฝนมันไม่ตกนี่ แกก็มานั่งคอยพระพุทธชินราชฝนจะตกไหม...

ไอ้เราก็ชักใจเสีย จะไปไหนก็ไปไม่ได้ ถ้าฝนไม่ตกมันคงทุบเราแน่ ก็เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ บังเอิญก็ได้ พุทธานุภาพก็ได้ พอเรือที่บรรทุกพระพุทธชินราชไปถึง พอจอดเทียบท่าวัดฝนตก ๒ ชั่วโมงเต็ม ตกขนาดไม่ลืมหูลืมตา ล่อเต็มที่จั้กๆตั้งเวลาได้ ๒ ชั่วโมง

ก็เป็นอันว่าการแบกพระขึ้นเป็นของไม่ยาก เขาดีใจกันใหญ่ ช่วยแบกพระบ้าง ช่วยแบกคนบ้าง มันล่อกันเต็มที่เลย พอขึ้นมาเสร็จ เขาก็ตั้งกฏเลย แกเลยบังคับต้องทำบุญ ๓ วัน พวกนั้นเขาทำเอง ก็เลยบอกว่า

"แกจะทำสักกี่ร้อยวันก็เชิญ ฉันอยู่วัดไม่ต้องบิณฑบาต"

เขาก็ขนกันทำบุญ พอทำบุญเสร็จ เขาเวียนเทียนเสร็จก็เข้าที่ ทีหลังก็ขอท่านตอนเย็น ขอให้ฝนตกพอดีๆเท่าที่ข้าวเขาต้องการ ตกตลอดทุกวัน

อธิษฐานขอฝนตกที่อื่นก็ได้
ตอนนั้นมีเรื่องแปลกอีกเรื่องหนึ่ง รุ่งขึ้นอีกปีหนึ่งก็ไปสร้างโบสถ์ที่ จ. ราชบุรี เขาให้ไปสร้างโบสถ์ แต่มันเป็นที่แนวลึกเข้าไปที่ใกล้ๆแม่น้ำ บางที่เราไปง่าย เขาไม่ให้สร้างหรอก ไอ้ที่ชาวบ้านทำไม่ถึงละเราไป

ก่อนจะไปก็อาราธนาท่าน ขอบารมีท่าน ไม่ได้แบกท่านไปด้วยหรอกนะ ถ้าเรือบ่ายหน้าเข้าคลองเล็กละก้อ...พอไปถึงที่เรียบร้อย ขอให้ฝนตกใหญ่ ๒ ชั่วโมง แล้วก็ไป ก็น่าแปลกเรือเราไม่ได้บรรทุกท่านไป แต่เรานึกถึงท่าน ขณะที่เรือวิ่งไปเดือนเมษายนไม่มีแสงแดดเลย ไอ้เมฆนี่ที่จะบังทับไปอยู่ตลอดเวลา แปลกดีเหมือนกัน

เมื่อไปถึง พอเรือเบนเข้าคลองเล็กปรากฏว่าฝนตกพรำๆไปถึงที่พอนั่งเรียบร้อยแล้วฝนตกลงมา 2 ชั่วโมง มีโยมคนหนึ่งมาบอก

"ท่าน..ดินสูงมาก ได้อีกสักชั่วโมงก็ดี" เอางั้นอีก ไอ้เราก็ปากหมา บอก "เอาตีสองนะโยม...เอาอีก ๒ ชั่วโมง"

เราก็นึกว่าตีสองใครจะไปนั่งอยู่มันกลับไปหมด ตกก็ตกไม่ตกก็ช่าง มันต้องกลับไปหมด ใช่ไหม...ที่ไหนได้ คนที่มามันไม่ยอมกลับ มันคอยดูตีสองอีก ซวยละเรา...เอายังไงกันแน่นะ มันก็นั่งดูนาฬิกา ถาม "อยู่ทำไม?"

"ก็ท่านบอกตีสองฝนจะตก"

เราก็เลยบอกว่า "ฉันพูดไปยังงั้นแหละ ด้วยพุทธานุภาพ ท่านจะให้หรือไม่ให้ ฉันบังคับไม่ได้นะ"

เขาก็บอก "ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวขอดูใหม่"

ดาวที่เต็มฟ้าไม่มีมัวสักนิดเดียว เห็นดาวสบาย เค้าก็ไม่มี พอนาฬิกาตีเป๋ง...ลงพั๊วทันที ล่ออีก ๒ ชั่วโมง

แต่ก็แปลก พอฉันจำจะต้องย้ายวัด เพราะครบ ๒๐ พรรษาตามที่หลวงพ่อปานท่านสั่ง ก็เอามาไม่ได้เพราะว่าเป็นของสงฆ์ พอออกมาไม่ได้ พออยู่ข้างหลังใครไปขอเท่าไรฝนก็ไม่ตกเป็นไง...?

ถามท่านว่า "ทำไมจึงเป็นยังงั้น?"

บอก "ไม่มีใครเขารู้จักฉันนี่ แม้แต่ไหว้ยังไหว้ไม่ถูกเลย" นี่เรื่องของพระพุทธชินราช ท่านให้ผลดีจริงๆ


ในหลวงพระพักตร์แจ่มใสเสด็จฯน้ำตกป่าละอูประจวบฯ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระพักตร์แจ่มใส เสด็จพระราชดำเนินจากวังไกลกังวล ไปยังน้ำตกป่าละอู จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อทอดพระเนตรความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า
เมื่อเวลา 16.50 นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินจากวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปยังน้ำตกป่าละอู เพื่อทอดพระเนตรความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าที่ยังคงความเขียวชอุ่ม เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิดและเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงชาวอำเภอหัวหิน และอำเภอปรานบุรี ของ จ.ประจวบคีรีขันธ์
โดยน้ำตกป่าละอูนั้น เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สูง 15 ชั้น  อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน น้ำตกแห่งนี้ มีน้ำไหลลดหลั่นลงมาเป็นทางยาวสวยงามตลอดทั้งปี ซึ่งระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนนี้ เหมาะแก่การศึกษาธรรมชาติ เนื่องจากอากาศเย็นสบาย สามารถพบเห็นสัตว์ป่าหายากและผีเสื้อหลากหลายชนิด
โอกาสนี้ทรงใหัอาหารปลาพรวง ปลาพื้นถิ่นที่อาศัยอยู่บริเวณน้ำตก แล้วทรงปล่อยพันธุ์ไก่ฟ้าหลังเทาแข่งแดง 10 ตัว , ไก่ป่าตุ้มหูแดง 19 ตัว , นกปรอทหัวโขน 29 ตัว และเม่นแผงคอยาว 4 ตัวด้วย ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประทับอยู่ที่น้ำตกแห่งนี้อยู่กว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับยัง วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน ในเวลา 17 นาฬิกา 30 นาที

ภาพโดยฝ่ายช่างภาพส่วนพระองค์ สำนักพระราชวัง



คำอธิษฐานปีใหม่ โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ กุมภาพันธ์ 2532)

คำอธิษฐานปีใหม่
โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
(จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ กุมภาพันธ์ 2532)


ผู้ถาม : ที่หลวงพ่อบอกว่า ให้นั่งหน้าพระพุทธรูปแล้วอธิษฐานว่า ความรวยจงปรากฏ มันเป็นอย่างไรครับ ?

หลวงพ่อ : ล้อ " เจ้าขวัญ " มันว่า ถ้าอยากรวยก็เอาแบบนี้ซิ 5 ทุ่ม 45 นาทีใกล้ๆจะ 6 ทุ่มใช่ไหมเล่า ก็ไปนั่งหน้าพระพุทธรูป บูชาพระ นึกถึงพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ เทวดา และพรหมทั้งหมด ครูบาอาจารย์ ผู้มีคุณทั้งหมด บูชาท่านขอลาภ

''ขอให้ความซวยทั้งหมด ความยากจน จงไปกับปีเก่า
แล้วความรวย ความดี ความโชคดี จงมากับปีใหม่ ''

หลังจากนั้นก็ ภาวนา คาถาเงินล้าน เรื่อยๆไป พอนาฬิกาตีเป๊ง..ขึ้นปีใหม่ " ขอให้ความซวย จงหายไปพร้อมกับปีเก่า ฉันต้องการความรวย จากปีใหม่ "

ผู้ถาม : อ๋อ....หลวงพ่อพูดกับ ขวัญ เหรอ ?

หลวงพ่อ : ใช่

ผู้ถาม : แล้ว ลูกๆหลานๆ ที่ไม่ใช่ขวัญ จะได้ไหมครับ ?

หลวงพ่อ : ก็มีขวัญนี่ ลองก้มหัวดู คนไหนไม่มีขวัญทำไม่ได้ ความจริงไม่ต้องรอดึกก็ได้ ถึงวัด ถึงบ้าน อาบน้ำ สวดมนต์ไหว้พระ ก็อธิษฐานก่อนนอนเลยก็ได้ ไม่ต้องรอถึงเวลานั้น

คำอธิษฐานได้ผล

ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง เมื่อคืนวันที่ 31 ตุลาคม 2531 นี้ ลูกได้ทำตามคำแนะนำของหลวงพ่อที่อธิษฐานว่า " ความซวยจงหมดไป พร้อมกับปีเก่า และขอความร่ำรวย จงมาพร้อมกับปีใหม่ 2532 นี้ " ปรากฏว่าวันนี้การค้าของลูกคล่องตัว ลูกอยู่ในโอวาท (แหม..นี่แกคงจะดีใจว่า ลูกอยู่ในโอวาทนะ) หากลูกจะอธิษฐานอย่างนี้ทุกคืนๆ ไป จะผิดกฏที่เทวดาเขาสงเคราะห์อยู่ในเวลานี้หรือเปล่าเจ้าคะ ?

หลวงพ่อ : ดีมาก ถ้าทำตามนั้นนะ จะดีมากเลย จะมีการทรงตัว เงินจะเหลือใช้ เอาทุกวันดีกว่า ไม่ใช่ทำวันเดียว

ผู้ถาม : อ๋อ..ยิ่งว่าบ่อยๆ ยิ่งดีหรือครับ

หลวงพ่อ : ใช่ ทำเป็นสมาธิแบบนั้น ก็ไม่ต้องใช้เวลาใกล้ 2 ยาม เวลาไหนก็ได้ที่เราเห็นสมควร ที่ว่าใกล้ 2 ยาม เพราะปีเก่าจะไป ปีใหม่จะมา เวลานี้เป็นเวลาของปีใหม่ ก็ใช้ได้ทุกเวลาตามที่ชอบใจ นั่นดีมากนะ ต่อไปจะรวยใหญ่ เมื่อทุกคนรวยใหญ่ ฉันก็สบายใจ สร้างวัดอีก 10 วัด (หัวเราะ)

ผู้ถาม : นี่ก็เป็นผลดีแก่แม่บ้านนะ มีผัวอยู่ในโอวาท เอ..ถ้าผู้ชายว่าบ้าง ลูกเมียจะอยู่ในโอวาท หรือเปล่าครับ ?

หลวงพ่อ : เราอยู่ในโอวาทเขา เขาก็อยู่ในโอวาทเรา " วันทโก ปฏิวันทนัง " ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบ " ปูชา ลภเตปูชัง " ผู้บูชาย่อมได้รับการบูชาตอบ ในเมื่อเราอยู่ในโอวาทเขา เขาก็อยู่ในโอวาทเรา


"พระราชาผู้ทรงธรรม" - เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์

กระทรวงวัฒนธรรม โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ร่วมกับ
คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ริเริ่มดำเนินโครงการ
สร้างสรรค์บทเพลงคุณธรรมร่วมสมัย "ฟังแล้วอิ่มใจ" โดยได้รับ
การสนับสนุนและความร่วมมือเป็นอย่างดีจากบ­ริษัท จีเอ็มเอ็ม 
แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ในการประพันธ์เนื้องร้องและทำนองเพลง
"พระราชาผู้ทรงธรรม" เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเ­จ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาศวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ 

ขับร้องโดย 
เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ศิลปินบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) 
คำร้อง/ทำนองโดย กมลศักดิ์ สุนทานนท์, ปิติ ลิ้มเจริญ
เรียบเรียงโดย วีรภัทร์ อึ้งอัมพร
http://www.youtube.com/watch?v=_XTWTi__uDo&feature=youtu.be


วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2557

มุทิตาสักการะ พระครูภาวนาวีรคุณ วิ. เจ้าอาวาสวัดวีระโชติธรรมาราม

ในมหามงคลวโรกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๖ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าไตร ตั้งสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตร พัดยศ แด่พระครูปลัดกิตติวัฒน ์(องอาจ อาภากโร) เป็นพระครูสัญญาบัตรเทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ชั้นพิเศษ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ (ทผจล.ชพ.วิ.)ที่ พระครูภาวนาวีรคุณ วิ. ณ วัดพระธาตุพนม จ.นครพนม วันที่ ๒๒ ก.พ. พ.ศ.๒๕๕๗

****จึงขอเรียนเชิญคณะศิษยานุศิษย์ร่วมแสดงมุทิตาจิต โดยพร้อมเพียงกัน
ณ อุโบสถแก้วกลางน้ำ วัดวีระโชติธรรมาราม ฉะเชิงเทรา
วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ..๒๕๕๗ เวลา ๑๓.๐๐ น. เป็นต้นไป

บัญชีรายนามพระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานสัญญาบัตร พัดยศ และผ้าไตร
ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนตะวันออก ภาค ๑๐ - ๑๑ - ๑๒
จัดพิธี ณ วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เวลา ๑๓.๓๐ น.

ลำดับที่ ๔. พระครูปลัดกิตติวัฒน์ (องอาจ) วัดวีระโชติธรรมาราม/เมืองฉะเชิงเทรา ” พระครูภาวนาวีรคุณ ทผจล.ชพ.วิ

พัดยศ พระครูสัญญาบัตร เทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ชั้นพิเศษ ฝ่ายวิปัสสนา (ทผจล.ชพ.วิ) เป็นพัดพุดตาน พื้นกำมะหยี่สีขาวล้วน ลายดอกจันทร์และใบเทศรักร้อย สลับสีวงในตาดเหลือง ปักดิ้นเลื่อม ด้ามวัสดุเทียมงา ยอดคอ และต้นด้ามกลึงไม่แกะลาย 

พระราชทานครั้งแรกเมื่อ วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒





พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพรปีใหม่แก่ประชาชนชาวไทย ๒๕๕๗

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพรปีใหม่แก่ประชาชนชาวไทย ๒๕๕๗

พระราชดำรัสพระราชทานแก่ประชาชนชาวไทยในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๕๗
วันอังคาร ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖

ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย

บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดี มาอวยพรแก่ท่านทุก ๆ คน ให้มีความสุข ความเจริญ และความสำเร็จสมประสงค์ ในสิ่งที่ปรารถนา.

ความปรารถนาของทุกคน คงไม่แตกต่างกันนัก คือต้องการให้ตนเอง มีความสุขความเจริญ และให้บ้านเมือง มีความสงบร่มเย็น. ในปีใหม่นี้ จึงขอให้ท่านทั้งหลาย รักษาสุขภาพกายสุขภาพจิต ให้สมบูรณ์แข็งแรง เพื่อให้สามารถปฏิบัติภาระหน้าที่ได้เต็มกำลัง. ข้อสำคัญ จะคิดจะทำสิ่งใด ให้นึกถึงส่วนรวมและความเป็นไทยไว้เสมอ. งานของตน และงานของชาติ จักได้ดำเนินก้าวหน้าไปโดยถูกต้อง เที่ยงตรง ไม่ติดขัด และบรรลุถึงประโยชน์ เป็นความสุข ความเจริญ และความสงบร่มเย็น ดังที่ทุกคนตั้งใจปรารถนา.

ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคน ให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย ให้มีความสุขกายสุขใจ ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน.




พระครูภาวนาวีรคุณ(หลวงพ่อองอาจ) อวยพรเนื่องในดิถีขึ้นปีใหม่ 2557

พระครูภาวนาวีรคุณ วิ. (หลวงพ่อองอาจ) เจ้าอาวาสวัดวีระโชติธรรมาราม เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดแห่งที่ 28 อวยพรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2557 เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2556

ขอขอบคุณทีมงาน facebook/watvirachote แอดมิน คนทำละคร สั้น สั้น

https://www.facebook.com/photo.php?v=673550236022941&set=vb.100001039123365&type=3&theater