วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

ความเพียร : สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) วัดสระเกศ


ความเพียร
ทุกคนจะสำเร็จได้
ต้องอาศัย
“ความพากเพียร”
พยายาม

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) วัดสระเกศ
ที่มา : จากหนังสือ”ธรรมะให้ลูกดี” สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) 


วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557

ดูแลคนที่ตามมาข้างหลัง : สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) วัดสระเกศ

ดูแลคนที่ตามมาข้างหลัง

หลวงพ่อคงไม่ทำอะไรกับ
“คนที่เขาเดินไปก่อนแล้ว”
แต่หลวงพ่อจะดูแล
“คนที่เขาเดินตามมาข้างหลัง”
หลวงพ่อให้ดี เพื่อให้มั่นใจว่า
ผู้ที่จะมาในภายหลัง
จะไม่ปฏิบัติตนเช่นนั้น

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) วัดสระเกศ


การปฎิบัติตนที่สม่ำเสมอของหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ : พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน

ถ้าเราดูวัตรปฏิบัติของหลวงพ่อสมเด็จ วัดสระเกศ
แล้วจะรู้เหน็ดเหนื่อยจากข้างนอกมาขนาดไหนก็ตาม
ท่านไม่เคยทิ้งสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน ท่าน
จะต้องลงมาสวดมนต์ทำวัตรร่วมกับพระลูกวัดก่อน
เสร็จแล้วก็รับสังฆทานที่โยมรอกันเป็นแถวยาวเหยียดเลย
เมื่อจบจากตรงนั้นเสร็จยังต้องเดินไปเยี่ยมลูกวัดทีละคณะ
เราอายุแค่ ๕๐ กว่า ก็หมดเรี่ยวหมดแรงแล้ว ท่าน ๘๐ กว่าแล้ว
ยังทำได้ขนาดนี้ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ใช่มายา
เป็นสิ่งที่ท่านทำออกมาจากใจจริง ๆ
ถ้าหากว่าเป็นมายาไม่ได้ทำออกมาด้วยความตั้งใจจริง
ไม่ได้ทำออกจากน้ำใสใจจริง จะทำไม่ทน ทำไม่นาน
แต่ท่านปีแล้วปีเล่าก็อยู่อย่างนั้น หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

เรียนเชิญเป็นเจ้าภาพ"เสาเข็ม" ตอกสร้างซุ้มพระสมเด็จองค์ปฐม และทุกอย่างภายในวัด ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สร้างรากฐานความมั่นคงให้ตนเอง

ตอกเสาเข็มเพื่อทำซุ้มองค์พระสมเด็จองค์ปฐม และทำซุ้มประตูทางเข้า ทางออก วันที่ 23 กันยายน 2557
เรียนเชิญเป็นเจ้าภาพเสาเข็ม ตอกสร้างซุ้มพระสมเด็จองค์ปฐม และทุกอย่างภายในวัด
ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สร้างรากฐานความมั่นคงให้ตนเอง
ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพเสาเข็ม ต้นละ 1,000 บาท ได้ที่นี่
1.ธนาคารกรุงเทพ สาขาสุวินทวงศ์ ฉะเชิงเทรา ชื่อบัญชี กองทุนสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ เลขที่ 386-8-00602-8
2.บัญชีธนาคารไทยพานิชย์ กองทุนวัดวีระโชติธรรมาราม เลขที่ 404-443455-8
3.ธนาคารกสิกรไทย สาขาสุวินทวงศ์ ฉะเชิงเทรา กองทุนชมรมลูกพระราชพรหมยานฯ เลขที่ 409-2-48761-5
โอนแล้วแจ้ง sms 0879224888

ร่วมเป็นเจ้าภาพได้ที่นี่  https://www.facebook.com/notes/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%87%E0%B8%A1-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%8B%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%90%E0%B8%A1-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94/825494210815942


เคยทำแท้งตายแล้วไปสำนักพระยายมราช แล้วไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

เคยทำแท้งตายแล้วไปสำนักพระยายมราช
แล้วไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
"..วันที่ 31 ตุลาคม 2531 เวลา 18 นาฬิกา อาตมานอนภาวนาตามปกติ เห็นภาพที่สำนักพระยายมราช มีผู้หญิงคนหนึ่งผิวขาว 
ร่างท้วม หน้าตาอิ่มเอิบ อายุ 42 ปี กับเด็กเล็กคนหนึ่ง เด็กคนนี้เล็กมากมีสภาพนอน เมื่อเธอตายเจ้าหน้าที่พาไปสำนักพระยายมราช ท่านพระยายมราชถามหญิงคนนี้ว่า "แม่หนูเธอทำแท้งหรือ" เธอรับว่า "ใช่เ้จ้าค่ะ" ท่านถามว่า "เมื่อทำแท้งแล้ว หลังจากนั้นทำบุญอะไรบ้าง" เธอตอบว่า "ที่จำได้ดีเพราะทำเป็นประจำคือ บูชาพระว่า นะโม 3 จบ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง และ สวดอิติปิ โส ภควา แล้วกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ลูกที่ทำแท้ง ขออย่าจองเวรจองกรรมเลย เมื่อถึงปีก็เป็นเจ้าภาพบวชพระทุกปี อุทิศส่วนกุศลให้ลูกที่ทำแท้ง" เธอพูดได้ชัดเจนชัดถ้อยชัดคำ ไม่เหมือนรายอื่น ๆ ที่พูดไม่ไคร่เต็มเสียง และมีมากรายไม่พูดเลย ท่านพระยายมราชบอกว่า "บุญเธอมีมากและเด็กไม่จองเวรเธอ ให้เธอไปรับผลความดีก่อนคือสวรรค์"
เมื่อเธอปลอดโทษแล้ว ผลบุญก็ตอบสนองเธอคือมีรูปสวยทันที เครื่องแต่งกายสวยมากแพรวพราวเป็นระยับ อาตมามีโอกาสคุยกับเธอถึงความเป็นมาต่าง ๆ เธอเล่าให้ฟังว่า เมื่ออายุ 17 ปี เธออยู่กับ
พี่สาว พี่สาวแต่งงานได้สองปีคลอดบุตร กำลังอยู่ไฟ พี่เขยเธอเข้าห้องผิดไปเข้าห้องเธอเข้า เธอเห็นใจพี่เขยขณะที่พี่สาวกำลังอยู่ไฟ พี่เขยคงเปลี่ยวใจจึงอนุญาตให้เข้าห้องผิดได้เป็นประจำ เวลาผ่านไป 6 เดือนเศษ ผลของการเปิดห้องให้พี่เขยเลยเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาได้ 2 เดือน เมื่อเห็นท่าเรื่องจะบานปลายจึงร่วมมือกับพี่เขยหายาขับเลือดอย่างแรง มีความร้อนสูง กินยานั้นเข้าไปสองครั้ง เด็กเลยไหลออกมา แต่เมื่อฟังผู้ใหญ่พูดกันว่า "คนทำแท้งนั้นบาปมาก เพราะฆ่าเด็กในครรภ์" จึงตั้งใจบูชาพระทุกวัน สวดมนต์ เมื่อสวดเสร็จก็นั่งหลับตานึกถึงลูกที่ตาย ขอให้มารับส่วนบุญและไม่จองเวร อ้อนวอนขอให้พระพุทธเจ้าช่วยทำอย่างนี้เป็นปกติทุกวัน ใส่บาตรพระตอนเช้าทุกวันอุทิศส่วนกุศลให้ลูกมารับไปกิน
เมื่อถึงฤดูกาลบวชพระก็เป็นเจ้าภาพบวชพระปีละองค์ทุกปีอุทิศให้ลูก ต่อมาอายุ 42 ปี 3 เดือน เธอป่วยเป็นโรคทางเดินอาหาร เธอนึกถึงพระพุทธเจ้าที่เคยบูชา นึกถึงการใส่บาตร นึกถึงบวชพระแล้วแต่จังหวะไหนจะนึกอะไรได้ ที่มั่นใจจริง ๆ ก็คือพระพุทธรูปที่บูชาและภาพพระที่บวช เมื่อตอนตายมีคน 4 คนมารับ ตอนนั้นเห็นพระพุทธรูปที่เคยบูชาลอยมาองค์ใหญ่กว่าที่เคยบูชา พระพุทธรูปท่านพูดว่า "พาเขาไปเถอะ ฉันไปด้วย" แล้วท่านก็ลอยนำหน้าไป เมื่อถึงสำนักท่านพระยายมราช พระท่านก็ยังลอยอยู่ตลอดเวลาการสอบสวน เมื่อสอบสวนเสร็จภาพพระพุทธรูปจึงหายไป เมื่อถามเธอว่า "เธอจะไปอยู่สวรรค์ชั้นไหน" เทวดาที่เรียกว่าเทวฑูตที่จะนำเธอไปส่ง ท่านตอบแทนเธอว่า "ไปอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ครับ" แล้วท่านก็พาเธอไป.."


วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2557

วิธีการแก้ทุกข์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ

วิธีแก้ทุกข์
ถ้าทุกข์มัดรัดตรึง อย่าแก้ด้วยวิธีอื่น
ให้แก้ด้วยวิธีง่ายๆ คือ นึกถึงพระพุทธเจ้า และภาวนาว่า "พุทโธๆ"
แล้วก็จะรู้ ความจริงของชีวิตว่า ที่เราเป็นทุกข์ อย่างนี้เป็นอย่างไร
ไม่ต้องมีใครสอน รู้เองแล้วด้วยอานุภาพแห่ง"พุทโธ"
ก็จะทำให้เรารู้จัก ดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้อง

สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ 






วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

*****หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง กล่าวถึงหลวงปู่โลกอุดร*****

*****หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง กล่าวถึงหลวงปู่โลกอุดร*****
ฉันฟังมาตั้งนาน โลกอุดร โลกอุดรใครหนอ มีวันหนึ่งก็เลยนั่งอยู่ ใครกันหนอ...? อ้อ...พอเจอหน้าก็ร้องอ้อเลย แต่ว่าท่านพวกนี้ทั้งหมด เดิมทีต้องมาจากพุทธภูมิก่อน พอใกล้จะเต็มก็ลา ลาจากพุทธภูมิเป็นสาวก ก็เลยต้องทำงานพุทธภูมิ

ถ้าสาวกจริง เขาไม่เอาด้วยหรอก เขาทำงานเฉพาะเรื่องของเขา ที่เห็นว่ามีเยอะๆ ทำได้ก็เงียบฉี่ คืองานของเขาไม่มี พวกนี้ถ้าถึงจุดเขาเว้นงาน คือต้องทำงานตามหน้าที่ 

มันมีเรื่องหนึ่งที่เราพูดกันแล้วเหมือนคนบ้า...

ไอ้ก่อนที่จะลงมานี่มันมีสัญญาใจ ว่าจะมาทำงานอะไร เวลาลงมาเกิดใหม่ๆ ไม่รู้เรื่องหรอก จิตไม่ถึงที่สุด ถ้าจิตถึงที่สุดกระเทาะเปลือกสัญญา อีตอนนี้แหละงานอื่นที่เคยทำมาแล้วก็โยนทิ้งหมด เอาเฉพาะงานของตน 

ไปๆ มาๆ ก็ไปเจอะท่าน ไปเจอะกับท่าน ฉันอยากนึกจะเจอก็ชนปั้งเลย เมื่อชนปั๊บ ถามว่า

"เป็นพุทธภูมิมาก่อนใช่ไหม" 

คือว่าพวกนี้ถ้าไม่สงสัยแกก็ไม่รู้เรื่องฉัน ถ้าสงสัยก็ชนกันเมื่อนั้นแหละ ต่างคนต่างขี้เกียจด้วยกัน มันไม่เก่งแล้ว มันต้องเก่งมาตอนต้นๆ ตอนต้นก็อยากเก่ง

ไอ้นักมวยตอนที่หัดใหม่ๆ ไปไหนกำหมัดยิกๆๆ ฉันเป็นนักมวย เอาเข้าเป็นแชมป์แล้ว เขาก็เลิก พระก็เหมือนกัน แก่แล้วก็เลิก แก่ก็มีเรื่องเด็ก ขี้เกียจ จะรู้อะไรไปทางไหนก็ตายแหงๆๆ อย่างพวกนี้ ตายแล้วจะไปไหน หาทางให้มันให้ไปแล้วไม่มาใช่ไหม

อะไรบ้างที่เราจะเปลื้องความทุกข์ไอ้การเวียนว่ายตายเกิด ก็ภาวะจิตมุ่งตรงสู่นิพพาน คือไอ้การอยากรู้ อยากเห็นก็เลิกกัน แต่ว่าเหตุใหญ่มันชนกันเข้าก็ต้องรู้ สงสัยเขาก็พูดกันเรื่อยเลย โลกอุดรๆๆ คือใคร

ก็มีคนหนึ่งบังเอิญเข้าไปพบ และก็ขอถ่ายภาพ ภาพแรกเป็นพระ กล้องเดียวกันถ่ายทีเดียว ขอถ่ายอีกทีกันเสีย มีภาพนุ่งโสร่ง ผ้าขาวม้าคาดพุงมีดเหน็บข้างหลัง

ถามมึงถ่ายอะไร

ฟิลม์เดียวกันครับ

ขอถ่ายครั้งที่ ๒ แกร็ก...กันเสีย ก็ไม่เสีย ได้อีกภาพหนึ่ง ถ้าได้ซ้ำก็เสียฟิลม์เปล่าใช่ไหม

พวกตกใจใหญ่ เป็นไปได้รึ เขาเป็นจะถามทำเกลืออะไร ก็เพราะมันเอง มันเห็นเอง ถามเป็นไปได้หรือ เป็นไปได้แล้ว ไม่น่าจะมาถามเลย

โลกอุดร ชื่อจริงๆ ก็ อุตตระ พระที่นำพระไตรปิฎกเข้ามาสุวรรณภูมิ อุตตระกับโสณะ หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว...ถ้าถามว่าอยู่ได้ยังไง อย่าลืมคำหนึ่ง พระพุทธเจ้าตรัสว่า

"ผู้ใดถ้าคล่องอิทธิบาท ๔ สามารถจะอธิษฐานร่างกายอยู่ถึงกัปหนึ่ง"

อย่าลืมนะผู้ที่คล่องอิทธิบาท ๔ คือ พระอรหันต์ พระอนาคามีนี่ถือว่ายังไม่คล่อง เพราะอะไร ยังตัดสังโยชน์อีก ๕ ไม่ได้ ถ้าพระอรหันต็ก็ถือว่าคล่อง ไอ้คล่องไม่ใช่ว่าเฉยๆ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา อั๊วะก็ว่าได้นี่ นี่ไม่ได้นะ"

จากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๕๖ หน้า ๔๗-๔๘
http://www.oknation.net/blog/benjaporn/2009/10/19/entry-1