หลวงพ่อเล่าเรื่อง อดีตของท่านท้าวมหาราชหรือท ้าวจตุโลกบาล
เรื่องที่ ๙๘
ตายจากมนุษย์ไปเกิดเป็นท่าน ท้าวมหาราชบนสวรรค์ชั้นจาตุ มหาราช
จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน
"..วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๑ สองวันที่ผ่านมาร่างกายไม่ด ี ใช้กำลังสมถภาวนาไม่ได้ ต้องใช้กำลังวิปัสสนาญาณเป็ นตัวยืน อารมณ์ของคนเราถ้าเจริญพระก รรมฐานต้องเข้าใจว่า กรรมฐานที่ทรงตัวจริงๆ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ๑๑ อย่าง และกรรมฐานแบบคิดอีก ๒๙ อย่าง เวลาที่ร่างกายมีกำลังดี ไม่ป่วยไข้ไม่สบายมากจิตจะท รงตัว ใช้กรรมฐานทรงตัวได้ แต่ถ้าจิตเกิดฟุ้งซ่านขึ้นม าด้วยโรคภัยไข้เจ็บมันกวนมา ก มันเพลียมาก ก็ต้องใช้กรรมฐานคิดใช้วิปั สสนาญาณควบ ไม่ต้องการรู้อะไรทั้งหมด
ท้าวจตุโลกบาล
มาวันนี้อารมณ์เริ่มทรงตัวข ึ้นมาบ้าง ก็ใช้กำลังทรงตัวได้ แต่ถ้าใช้กำลังทรงตัวแน่นไป อีกก็ไม่เห็นอะไร พอขยับจิตเคลื่อนลงมานิดหนึ ่งอยู่ในขั้นอุปจารสมาธิ ก็เห็นท่านท้าวมหาราชนั่งอย ู่ข้างๆ ท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ เขาเรียกว่า ท้าวจตุโลกบาล มีหน้าที่รักษาคุ้มครองชาวม นุษยโลก ถ้าสร้างความดีก็หาทางป้องก ันช่วยเหลือ จะส่งเทวดาไปอารักขา ถ้าสร้างความชั่วก็สุดวิสัย ที่จะช่วยได้ก็อดใจไว้ และก็มีหน้าที่บันทึกความดี ความชั่วของคนทั้งการพูด การคิด การทำทุกอย่าง สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชอยู่กึ ่งกลางเขาพระสุเมรุ คนที่ตายแล้วมาเกิดเป็นเทวด าชั้นจาตุมหาราชได้ ต้องเคยได้ฌานสมาบัติ แต่เวลาตายไม่ได้เข้าฌานตาย ถ้าขณะที่ตายเข้าฌานตาย ก็จะไปเกิดเป็นพรหม
ท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ คือ
๑) ท่านท้าวเวสสุวัณ คุมด้านทิศเหนือ
๒) ท่านท้าววิรุฬหก คุมด้านทิศใต้
๓) ท่านท้าวธตรฐ คุมด้านทิศตะวันออก
๔) ท่านท้าววิรูปักข์ คุมด้านทิศตะวันตก
ท่านท้าวเวสสุวัณ เป็นท่านท้าวมหาราชคุมด้านท ิศเหนือ
ท่านท้าวเวสสุวัณ เป็นท่านท้าวมหาราชคุมด้านท ิศเหนือ และเป็นประธานของท้าวมหาราช ทั้ง ๔ บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช ในเมืองมนุษย์มักจะทำสัญลัก ษณ์เป็นรูปยักษ์ จะเห็นได้ตามวัด ตามถํ้าจะมีรูปปั้นยักษ์อยู ่ทางด้านหน้าทางเข้า ก่อนที่ท่านจะมาเป็นท่านท้า วมหาราชเขตจาตุมหาราช ถอยหลังไป ๑ ชาติ ในตอนต้นเลยทีเดียวที่ยังไม ่มีพระพุทธศาสนา มีแต่ศาสนาพราหมณ์ ท่านมีนามว่า "กุเวรพราหมณ์" เป็นชื่อเดิม ต่อมาท่านเป็นกษัตริย์ครองก รุงราชคฤห์มหานครทรงพระนามว ่า "พระเจ้าพิมพิสารบรมกษัตริย ์" ท่านเกิดรุ่นราวคราวเดียวกั บเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมารคร องกรุงกบิลพัสดุ์ ซึ่งต่อมาทรงออกผนวชบรรลุอภ ิเษกสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าทรง พระนามว่า "สมเด็จพระสมณโคดม" ท่านมีพระสหายอีก ๒ องค์คือ พระเจ้าปเสนทิโกศลครองกรุงส าวัตถีกับท่านพันธุรเสนา รวมเป็น ๔ องค์ เป็นเพื่อนรักกันมาก ต่างคนต่างเป็นลูกกษัตริย์ สมัยนั้นไปเรียนหนังสือที่เ มืองตักศิลาด้วยกัน
ต่อมาเจ้าชายสิทธัตถะราชกุม ารทรงออกมหาภิเนษกรมณ์ พระเจ้าพิมพิสารทรงคิดว่ามี เรื่องราวกับใคร จึงนิมนต์ให้เข้าประทับในเม ือง จะมอบอำนาจให้ครึ่งหนึ่งและ สมบัติให้ครึ่งหนึ่ง ให้เป็นมหาอุปราช พระพุทธเจ้าทรงบอกว่า "ไม่ได้หนีใคร ทรงเบื่อความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ต้องการแสวงหาโมกขธรรม คือธรรมอันเป็นเครื่องหลุดพ ้นจากความตาย และต้องการเอาธรรมนั้นมา สอนคนอื่น"
พระเจ้าพิมพิสารจึงบอกว่า "ถ้าพระองค์ทรงบรรลุเมื่อไร ขอมาโปรดท่านก่อน"
พระพุทธเจ้าก็ทรงรับ เมื่อองค์สมเด็จพระทรงสวัสด ิโสภาคย์บรรลุอภิเษกสัมมาสั มโพธิญาณแล้วก็ทรงสอนคนมาตา มทาง จนกระทั่งถึงกรุงราชคฤห์มหา นคร พบพระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วย บริวาร ก็ทรงเทศน์ พอเทศน์จบปรากฏว่า พระเจ้าพิมพิสารเป็นพระโสดา บันพร้อมกับคนจำนวนมาก หลังจากนั้นก็ได้อาราธนาพระ พุทธเจ้าเข้าประทับในพระเวฬ ุวันมหาวิหาร
อานิสงส์ของการถวายทาน
ขณะที่พระพุทธเจ้าประทับอยู ่ ณ ที่นั้น พระเจ้าพิมพิสารไปเฝ้าทุกวั น ได้ถวายทานทุกวัน ฟังเทศน์ทุกวัน จึงมีอานิสงส์ดังนี้คือ
การถวายทาน เป็นปัจจัยให้ได้ทิพยสมบัติ
การถวายพระเวฬุวันมหาวิหาร เป็นเหตุให้ได้วิมานสวยงาม
กำลังความเป็นพระโสดาบันและ ทรงฌานสมาบัติด้วย เป็นเหตุให้มีกำลัง เมื่อไปเป็นเทวดาก็ทรงอำนาจ มาก
เวลาที่ท่านจะตาย ท่านถูกลูกชายคือ พระเจ้าอชาตศัตรู ทรมาน คือพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นกบฏ ทรยศต่อพ่อ แย่งราชสมบัติแล้วก็ทรมานพ่ อ โดยจับขังคุก ต่อมาให้อดข้าว เมื่อท่านยังเดินจงกรมได้ ท่านอยู่ด้วยธรรมปีติ แม้จะอดข้าวก็ไม่ตายผิวพรรณ ยังผ่องใส ในที่สุดเขาก็เฉือนเท้าไม่ใ ห้เดิน ท่านก็มีความเจ็บปวดมาก แต่จิตใจก็นึกถึงองค์สมเด็จ พระจอมไตร ท่านก็มีจิตใจชุ่มชื่น ปวดน่ะปวด แต่ท่านก็ยอมรับนับถือกฎของ ธรรมดาว่า คนเราที่เกิดมาทุกคน แม้ฐานะจะต่างกัน แต่สภาพจริงๆ มันเหมือนกันคือ มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้นเ หมือนกันหมดทุกคน และก็เดินเข้าไปหาความแก่ มีทุกขเวทนา มีการทรมานจากร่างกาย และในที่สุดก็เป็นคนตาย ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ จะเป็นเศรษฐี คหบดี หรือคนยากจนก็ตาม มีสภาพเหมือนกันไม่มีอะไรแต กต่างกัน
พระเจ้าพิมพิสารบรมกษัตริย์ ท่านเป็นพระโสดาบันขณะที่ท่ านยังมีชีวิตอยู่ เวลาตายท่านออกด้วยกำลังของ ฌาน ๔ จะต้องไปเกิดเป็นพรหม แต่พอจิตแยกออกจากกายแล้ว ท่านมีความรู้สึกด้วยอำนาจก ำลังจิตที่เป็นทิพย์ว่า ก่อนที่ท่านจะมาเกิดเป็นพระ เจ้าพิมพิสารท่านเคยเป็นเทว ดาชั้นจาตุมหาราชมาก่อน ท่านก็เลยไม่ไปอยู่พรหม มาอยู่ชั้นจาตุมหาราชที่เดิ ม เมื่อท่านเป็นเทวดาแล้ว ท่านก็ฝึกฝนจนเป็นพระอนาคาม ี และท่านไม่กลับมาเกิดอีกแล้ ว
ท่านท้าววิรุฬหก ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านท ิศใต้
ท่านท้าววิรุฬหก ท่านเป็นท่านท้าวมหาราชคุมด ้านทิศใต้ บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช ในเมืองมนุษย์มักเข้าใจว่า ท่านท้าววิรุฬหกและบริวารขอ งท่านเป็น กุมภัณฑ์
"กุมภะ" แปลว่า "หม้อ" ท่านจึงแสดงรูปร่างอ้วนใหญ่ เหมือนกับพ้อมใส่ข้าว ผิวดำปี๋ พุงก็ปลิ้น คอก็สั้น หัวก็โต ฟันก็ขาว เขี้ยวก็โง้งออกจากปาก มีริมฝีปากนูนๆ ตาใหญ่มาก สว่างแวววาวเหมือนกับไฟฉาย มองส่ายไปส่ายมา ทำให้น่ากลัว แต่ความจริงท่านสวยสดงดงามม าก ท่านมาบอกอาตมาว่า ในสมัยเป็นมนุษย์ท่านเป็นคน กรุงเทพฯ อาชีพของท่านเป็นคนมีเงินเด ือน เป็นหัวหน้าคนกลุ่มใหญ่มีคน ใต้บังคับบัญชานับพันคน ท่านบอกท่านเคยมีโอกาสเข้าเ ฝ้าพระเจ้าอยู่หัวเหมือนกัน เคยเข้าสมาคมกับขุนนางชั้นส ูงและกับคนทุกชั้น เพราะท่านมีเมตตาความรัก กรุณาความสงสาร ท่านถือว่าทุกคนฐานะไม่สำคั ญ สำคัญอยู่ที่กำลังใจเท่านั้ น นอกจากนั้นท่านมีความต้องกา รหนังเหนียวยิงไม่ออก แคล้วคลาดจากอาวุธ และสามารถแสดงฤทธิ์ ท่านมีอาจารย์เป็นพระและเป็ นฆราวาสก็มี ถ้ามีความดีเป็นกรณีพิเศษ การทำให้หนังเหนียวต้องใช้ค าถา ก่อนที่จะใช้คาถาทั้งหมด ท่านต้องมีความเคารพพระพุทธ เจ้าด้วยความจริงใจ เคารพในพระธรรมคำสอน และเคารพในพระสงฆ์ที่เป็นคร ูบาอาจารย์ หลังจากนั้นต้องทำจิตให้มั่ นคงโดยภาวนาให้จิตทรงตัว ก็คือ จิตเป็นสมาธินั่นเอง ถ้าจิตมีสมาธิสูง กำลังอานุภาพที่ต้องการก็จะ มีอานุภาพมาก ถ้ากำลังสมาธิตํ่าของที่เรี ยนมาก็มีอานุภาพตํ่า การท่องคาถาอาคม การปลุกตัว การปลุกของ ต้องทำทุกวันเพื่อความมั่นค ง จิตต้องเข้าถึงฌานสมาบัติ แต่เวลาที่ท่านตาย ท่านไม่ได้เข้าฌานตาย
เมื่อตายแล้วท่านไปเกิดเป็น เทวดาชั้นจาตุมหาราช ต่อมาก็ขึ้นเป็น เทวดาชั้นอินทกะ (คำว่า "อินทกะ" แปลว่า "ผู้เป็นใหญ่" คือเป็นรองท่านท้าวมหาราช อินทกะนี้มีได้ทิศละพันองค์ พร้อมที่จะเป็นท้าวมหาราชได ้ตามความสามารถและวาสนาบารม ี ในเมื่อท่านท้าวมหาราชไปจาก ชั้นนี้ คือจากชั้นจาตุมหาราชไปเกิด เป็นเทวดาชั้นสูงบ้าง หรือว่าไปเป็นพรหมบ้าง หรือมาเกิดเป็นมนุษย์ก็ตาม) จากอินทกะท่านก็เป็นท้าวมหา ราช คือท่านท้าววิรุฬหกในปัจจุบ ันนี้
ท่านท้าวธตรฐ ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านท ิศตะวันออก
วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๑ เห็นท่านท้าวมหาราชมานั่งอย ู่ องค์หนึ่งมาตัวสูงเท่ายอดตา ล จึงหันไปถามว่า "ใคร" ท่านท้าววิรุฬหกตอบว่า "ท่านธตรฐครับ" พอท่านเข้ามาใกล้ก็เลยถามว่ า "ทำไมสูงเหมือนเปรตแบบนี้ล่ ะ" ท่านตอบว่า "อย่างนี้เขาเรียกสูงแบบเทว ดา ไม่ใช่สูงแบบเปรต" ถามท่านท้าวธตรฐว่า "อดีตของท่านเคยเป็นอะไรมาต อนเป็นมนุษย์" ท่านตอบว่า "อดีตผมเป็นพระราชาเมืองพาร าณสีครับ" ก็เลยถามท่านว่า "เวลานั้นไม่มีพระพุทธศาสนา เป็นเทวดาได้อย่างไร"
ท่านตอบว่า "เทวดาหรือพรหมไม่จำเป็นต้อ งนับถือพระพุทธศาสนาเสมอไป พราหมณ์ก็เป็นเทวดาเป็นพรหม ได้" เวลานี้ท่านเป็นพระอนาคามี เป็นพระอริยเจ้าเบื้องสูง ท่านไม่กลับลงมาเกิดอีกแล้ว
ท่านท้าววิรูปักษ์ ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านท ิศตะวันตก
ในวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๑ วันเดียวกันนั้นอาตมาได้หัน ไปถาม ท่านวิรูปักษ์ ว่า "อดีตท่านเป็นอะไร" ท่านตอบว่า "อดีตผมอยู่ปักษ์ใต้ ประเทศไทยนี่เอง เป็นผู้ชายไทย ฐานะสูงมากสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้ฌานสมาบัติแต่เวลาตายไม่ ได้เข้าฌานตาย ตายแล้วไปเป็นอินทกะเลย เมื่อท่านวิรูปักษ์องค์เก่า ขึ้นไปเป็นพรหม ท่านก็ขึ้นเป็นแทน ท่านเก่งมาก
เป็นอันว่าก็ได้ทราบประวัติ ของท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ แล้วว่าใครเป็นใคร ทำให้ทราบว่าการเป็นเทวดาก็ ไม่หนักสำหรับพวกเรา การเป็นพรหมก็ไม่หนัก การไปพระนิพพานก็ไม่หนัก การไปนรกก็ไม่หนัก ชอบทางไหนก็ไปได้ทั้งนั้น.. "
เรื่องที่ ๙๘
ตายจากมนุษย์ไปเกิดเป็นท่าน
จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน
"..วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๑ สองวันที่ผ่านมาร่างกายไม่ด
ท้าวจตุโลกบาล
มาวันนี้อารมณ์เริ่มทรงตัวข
ท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ คือ
๑) ท่านท้าวเวสสุวัณ คุมด้านทิศเหนือ
๒) ท่านท้าววิรุฬหก คุมด้านทิศใต้
๓) ท่านท้าวธตรฐ คุมด้านทิศตะวันออก
๔) ท่านท้าววิรูปักข์ คุมด้านทิศตะวันตก
ท่านท้าวเวสสุวัณ เป็นท่านท้าวมหาราชคุมด้านท
ท่านท้าวเวสสุวัณ เป็นท่านท้าวมหาราชคุมด้านท
ต่อมาเจ้าชายสิทธัตถะราชกุม
พระเจ้าพิมพิสารจึงบอกว่า "ถ้าพระองค์ทรงบรรลุเมื่อไร
พระพุทธเจ้าก็ทรงรับ เมื่อองค์สมเด็จพระทรงสวัสด
อานิสงส์ของการถวายทาน
ขณะที่พระพุทธเจ้าประทับอยู
การถวายทาน เป็นปัจจัยให้ได้ทิพยสมบัติ
การถวายพระเวฬุวันมหาวิหาร เป็นเหตุให้ได้วิมานสวยงาม
กำลังความเป็นพระโสดาบันและ
เวลาที่ท่านจะตาย ท่านถูกลูกชายคือ พระเจ้าอชาตศัตรู ทรมาน คือพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นกบฏ
พระเจ้าพิมพิสารบรมกษัตริย์
ท่านท้าววิรุฬหก ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านท
ท่านท้าววิรุฬหก ท่านเป็นท่านท้าวมหาราชคุมด
"กุมภะ" แปลว่า "หม้อ" ท่านจึงแสดงรูปร่างอ้วนใหญ่
เมื่อตายแล้วท่านไปเกิดเป็น
ท่านท้าวธตรฐ ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านท
วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๑ เห็นท่านท้าวมหาราชมานั่งอย
ท่านตอบว่า "เทวดาหรือพรหมไม่จำเป็นต้อ
ท่านท้าววิรูปักษ์ ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านท
ในวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๑ วันเดียวกันนั้นอาตมาได้หัน
เป็นอันว่าก็ได้ทราบประวัติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น