*****หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง กล่าวถึงหลวงปู่โลกอุดร**** *
ฉันฟังมาตั้งนาน โลกอุดร โลกอุดรใครหนอ มีวันหนึ่งก็เลยนั่งอยู่ ใครกันหนอ...? อ้อ...พอเจอหน้าก็ร้องอ้อเล ย แต่ว่าท่านพวกนี้ทั้งหมด เดิมทีต้องมาจากพุทธภูมิก่อ น พอใกล้จะเต็มก็ลา ลาจากพุทธภูมิเป็นสาวก ก็เลยต้องทำงานพุทธภูมิ
ถ้าสาวกจริง เขาไม่เอาด้วยหรอก เขาทำงานเฉพาะเรื่องของเขา ที่เห็นว่ามีเยอะๆ ทำได้ก็เงียบฉี่ คืองานของเขาไม่มี พวกนี้ถ้าถึงจุดเขาเว้นงาน คือต้องทำงานตามหน้าที่
มันมีเรื่องหนึ่งที่เราพูดก ันแล้วเหมือนคนบ้า...
ไอ้ก่อนที่จะลงมานี่มันมีสั ญญาใจ ว่าจะมาทำงานอะไร เวลาลงมาเกิดใหม่ๆ ไม่รู้เรื่องหรอก จิตไม่ถึงที่สุด ถ้าจิตถึงที่สุดกระเทาะเปลื อกสัญญา อีตอนนี้แหละงานอื่นที่เคยท ำมาแล้วก็โยนทิ้งหมด เอาเฉพาะงานของตน
ไปๆ มาๆ ก็ไปเจอะท่าน ไปเจอะกับท่าน ฉันอยากนึกจะเจอก็ชนปั้งเลย เมื่อชนปั๊บ ถามว่า
"เป็นพุทธภูมิมาก่อนใช่ไหม"
คือว่าพวกนี้ถ้าไม่สงสัยแกก ็ไม่รู้เรื่องฉัน ถ้าสงสัยก็ชนกันเมื่อนั้นแห ละ ต่างคนต่างขี้เกียจด้วยกัน มันไม่เก่งแล้ว มันต้องเก่งมาตอนต้นๆ ตอนต้นก็อยากเก่ง
ไอ้นักมวยตอนที่หัดใหม่ๆ ไปไหนกำหมัดยิกๆๆ ฉันเป็นนักมวย เอาเข้าเป็นแชมป์แล้ว เขาก็เลิก พระก็เหมือนกัน แก่แล้วก็เลิก แก่ก็มีเรื่องเด็ก ขี้เกียจ จะรู้อะไรไปทางไหนก็ตายแหงๆ ๆ อย่างพวกนี้ ตายแล้วจะไปไหน หาทางให้มันให้ไปแล้วไม่มาใ ช่ไหม
อะไรบ้างที่เราจะเปลื้องควา มทุกข์ไอ้การเวียนว่ายตายเก ิด ก็ภาวะจิตมุ่งตรงสู่นิพพาน คือไอ้การอยากรู้ อยากเห็นก็เลิกกัน แต่ว่าเหตุใหญ่มันชนกันเข้า ก็ต้องรู้ สงสัยเขาก็พูดกันเรื่อยเลย โลกอุดรๆๆ คือใคร
ก็มีคนหนึ่งบังเอิญเข้าไปพบ และก็ขอถ่ายภาพ ภาพแรกเป็นพระ กล้องเดียวกันถ่ายทีเดียว ขอถ่ายอีกทีกันเสีย มีภาพนุ่งโสร่ง ผ้าขาวม้าคาดพุงมีดเหน็บข้า งหลัง
ถามมึงถ่ายอะไร
ฟิลม์เดียวกันครับ
ขอถ่ายครั้งที่ ๒ แกร็ก...กันเสีย ก็ไม่เสีย ได้อีกภาพหนึ่ง ถ้าได้ซ้ำก็เสียฟิลม์เปล่าใ ช่ไหม
พวกตกใจใหญ่ เป็นไปได้รึ เขาเป็นจะถามทำเกลืออะไร ก็เพราะมันเอง มันเห็นเอง ถามเป็นไปได้หรือ เป็นไปได้แล้ว ไม่น่าจะมาถามเลย
โลกอุดร ชื่อจริงๆ ก็ อุตตระ พระที่นำพระไตรปิฎกเข้ามาสุ วรรณภูมิ อุตตระกับโสณะ หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิ พพานไปแล้ว...ถ้าถามว่าอยู่ ได้ยังไง อย่าลืมคำหนึ่ง พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"ผู้ใดถ้าคล่องอิทธิบาท ๔ สามารถจะอธิษฐานร่างกายอยู่ ถึงกัปหนึ่ง"
อย่าลืมนะผู้ที่คล่องอิทธิบ าท ๔ คือ พระอรหันต์ พระอนาคามีนี่ถือว่ายังไม่ค ล่อง เพราะอะไร ยังตัดสังโยชน์อีก ๕ ไม่ได้ ถ้าพระอรหันต็ก็ถือว่าคล่อง ไอ้คล่องไม่ใช่ว่าเฉยๆ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา อั๊วะก็ว่าได้นี่ นี่ไม่ได้นะ"
จากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๕๖ หน้า ๔๗-๔๘
http://www.oknation.net/ blog/benjaporn/2009/10/19/ entry-1
ฉันฟังมาตั้งนาน โลกอุดร โลกอุดรใครหนอ มีวันหนึ่งก็เลยนั่งอยู่ ใครกันหนอ...? อ้อ...พอเจอหน้าก็ร้องอ้อเล
ถ้าสาวกจริง เขาไม่เอาด้วยหรอก เขาทำงานเฉพาะเรื่องของเขา ที่เห็นว่ามีเยอะๆ ทำได้ก็เงียบฉี่ คืองานของเขาไม่มี พวกนี้ถ้าถึงจุดเขาเว้นงาน คือต้องทำงานตามหน้าที่
มันมีเรื่องหนึ่งที่เราพูดก
ไอ้ก่อนที่จะลงมานี่มันมีสั
ไปๆ มาๆ ก็ไปเจอะท่าน ไปเจอะกับท่าน ฉันอยากนึกจะเจอก็ชนปั้งเลย
"เป็นพุทธภูมิมาก่อนใช่ไหม"
คือว่าพวกนี้ถ้าไม่สงสัยแกก
ไอ้นักมวยตอนที่หัดใหม่ๆ ไปไหนกำหมัดยิกๆๆ ฉันเป็นนักมวย เอาเข้าเป็นแชมป์แล้ว เขาก็เลิก พระก็เหมือนกัน แก่แล้วก็เลิก แก่ก็มีเรื่องเด็ก ขี้เกียจ จะรู้อะไรไปทางไหนก็ตายแหงๆ
อะไรบ้างที่เราจะเปลื้องควา
ก็มีคนหนึ่งบังเอิญเข้าไปพบ
ถามมึงถ่ายอะไร
ฟิลม์เดียวกันครับ
ขอถ่ายครั้งที่ ๒ แกร็ก...กันเสีย ก็ไม่เสีย ได้อีกภาพหนึ่ง ถ้าได้ซ้ำก็เสียฟิลม์เปล่าใ
พวกตกใจใหญ่ เป็นไปได้รึ เขาเป็นจะถามทำเกลืออะไร ก็เพราะมันเอง มันเห็นเอง ถามเป็นไปได้หรือ เป็นไปได้แล้ว ไม่น่าจะมาถามเลย
โลกอุดร ชื่อจริงๆ ก็ อุตตระ พระที่นำพระไตรปิฎกเข้ามาสุ
"ผู้ใดถ้าคล่องอิทธิบาท ๔ สามารถจะอธิษฐานร่างกายอยู่
อย่าลืมนะผู้ที่คล่องอิทธิบ
จากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๕๖ หน้า ๔๗-๔๘
http://www.oknation.net/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น