วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558

ความดีที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจกันและกันนั้นพระพุทธเจ้าตรัสเพื่อ ฆราวาสปฏิบัติ ท่านเรียกว่า สังคหวัตถุคือการสงเคราะห์ ซึ่งกันและกัน ปัญหาธรรมของฆราวาสผู้ครองเรือน โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) จาก หนังสือ หลวงพ่อ ตอบปัญหา เล่ม ๒

ความดีที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจกันและกันนั้นพระพุทธเจ้าตรัสเพื่อ ฆราวาสปฏิบัติ ท่านเรียกว่า สังคหวัตถุคือการสงเคราะห์ ซึ่งกันและกัน

ปัญหาธรรมของฆราวาสผู้ครองเรือน
โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
จาก หนังสือ หลวงพ่อ ตอบปัญหา เล่ม ๒

ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ ความดีที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจกันและกัน เหมาะที่จะปฏิบัติสำหรับฆราวาส ควรจะใช้ธรรมะข้อใดครับ.....................?

หลวงพ่อ : ความดีที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจกันและกันนั้นพระพุทธเจ้าตรัสเพื่อ ฆราวาสปฏิบัติ ท่านเรียกว่า สังคหวัตถุคือการสงเคราะห์ ซึ่งกันและกันมี ๔ ข้อด้วยกันคือ

๑. ทาน การให้ การแบ่งปันของที่มีและพอจะมีให้กัน ได้แก่ ผู้ที่ขาดแคลน ถึงแม้จะไม่ครบถ้วน แต่ก็เป็นเหตุให้เกิดความรักแก่ผู้ที่ได้รับ

๒. ปิ ยิวาจา คือพูดเพราะ อ่อนหวาน ทำให้ผู้รับฟังให้สบายใจเป็นเหตุ

๓. สมานัตตตา ไม่ถือตัวเกินไป ทำตนเสมอ ไม่รังเกียจซึ่งกันและกันโดยฐานะ โดยตระกูล โดยความรู้ เป็นต้น เมื่อไม่ถือตัววางตัวสนิทสนม ถือว่าเป็นพวกเดียวกัน ก็เป็นปัจจัยให้เกิดความรัก ความสามัคคี

๔. อัตตถจริยา ช่วยงานที่เพื่อนทำไม่ไหว ด้วยความเต็มใจจะสงเคราะห์ ไม่ทวงความดีที่ทำให้ อย่างนี้ก็เป็นเหตุให้เกิดความรัก ความสามัคคี
เมื่อต่างคนต่างรัก สนิทสนมกัน ด้วยอาศัยเหตุ ๔ ประการนี้ ต่างก็มีความสุข ความสบายทั้งกายและใจ

ผู้ถาม : องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านตรัสไว้เช่นไรในเรื่องการแต่งงาน ขอหลวงพ่อช่วยโปรดอธิบายด้วยครับ และฤกษ์ดีของพระพุทธเจ้าให้ทำเช่นไรจะเป็นมงคลครับ....?

หลวงพ่อ : เรื่อง ฤกษ์การแต่งงาน พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสท่านได้แต่เพียงแนะนำผู้แต่งงานว่าสามีควรปฏิบัติต่อ ภรรยา คือ

ยกย่องนับถือว่าเป็นภรรยา
ไม่เหยียดหยามดูหมิ่น ภรรยา
ไม่นอกใจภรรยา คือไม่เจ้าชู้
มอบความเป็นใหญ่ในบ้านให้ แต่คอยเตือนเมื่อเธอเผลอตัว
ให้เครื่องแต่งตัวตามฐานะ ผู้หญิงชอบยกย่องและรางวัลแม้มีค่าน้อยก็พอใจ
ถ้าทำได้อย่างนี้ ไม่มีเรื่องทะเลาะกัน

ส่วนภรรยาต้องปฏิบัติต่อสามีเช่นกัน คือ
จัดงานดี ต้องดีตามที่ตนเห็นว่าดี และเป็นความดีที่มีความพอใจร่วมกันทั้งสามี และผู้ใหญ่และญาติโยม ของสามีด้วย ถ้าดีคนเดียวประเดี๋ยวพัง
สงเคราะห์คนข้างเคียงสามีด้วย
ไม่เจ้าชู้นอกใจสามี
รักษาทรัพย์ดี รู้จักเก็บหอมรอมริบ ไม่สุรุ่ยสุร่าย
และขยันไม่เกียจคร้านในการงานทุกอย่าง
ถ้าสามี ภรรยาคู่ใดทำได้อย่างนี้ ฤกษ์ดีตลอดเวลา แต่งตามพิธีหรือแต่งกันเองก็ฤกษ์ดี ไม่ต้องไปหาหมอให้ฤกษ์หรอกนะ

ผู้ถาม : ลูกขอกราบรบกวนหลวงพ่อ คือว่าเวลาก่อนจะออกจากบ้านไปทำงานหรือไปไหน ก็ต้องกราบพระและพ่อแม่อธิษฐานขอให้ลูกปลอดภัย และเวลาทำวัตรเช้า - เย็น ก็บอกพ่อและแม่ให้ฟัง หรือบางทีก็พูดถึงแม่บ่อย ๆ ด้วยความคิดถึง แต่มีคนทักท้วงว่า "ไม่ควรจะพูดถึง เพราะจะทำให้แม่กังวลและเป็นห่วง" ก็เลยมีปัญหาอยากจะถามหลวงพ่อว่า ควรจะทำอย่างไรคะ......?

หลวงพ่อ : ปฏิปทาที่บอกมาทำถูกแล้ว เรื่องที่คนพูดว่า เป็นการรบกวนพ่อแม่ ที่จริงเป็นการ กตัญญู ที่พระพุทธเจ้าสรรเสริญมากกว่า การสนองความดีของท่านด้วยการนึกถึง หรือกล่าววาจาถึงท่านเป็นการสรรเสริฐความดี ไม่ลือความดีที่ท่านอุปการะมาเป็นความดีอย่างเลิศ และถ้ายิ่งปฏิบัติตามคำแนะนำของท่านด้วยเช่นกันทั้ง ๒ ประการ พระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่า เป็นยอดของคนดี ตามพระพุทธภาษิตตรัสไว้ว่า

นิมิต ตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตา
แปลว่า ท่านผู้ใดท่านอุปการะมาในกาลก่อน การตอบสนองท่านด้วยความดี พระองค์ตรัสว่า เราเรียกคนนั้นว่าเป็นคนดี

เมื่อคุณทำความดีแล้ว ทำไมจะต้องคิดว่ารบกวนท่านล่ะการนึกถึง การกราบไหว้ ไม่ใช่รบกวน เป็นการทำความดีที่หาได้ยาก ขอให้ทำต่อไปนะ จะได้มีกำลังใจเป็นสุข

คนที่ไม่ลืมความดีของท่านผู้มีคุณ คนประเภทนี้มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง หาทางตกต่ำยาก เป็นที่รักของสังคมคนดีนะ

ผู้ถาม : กราบขอบพระคุณค่ะ" (อีกท่านหนึ่งถามว่า)
หลวงพ่อคะ หลวงพ่อเคยบอกว่า กลุ้มนี่ลงนรกใช่ไหมคะ......?

หลวงพ่อ : ใช่

ผู้ถาม : ถ้าหากว่าเรากลุ้มกับผู้มีพระคุณ อย่างเช่นบิดา มารดา เวลาท่านป่วย อย่างนี้ล่ะคะ......?

หลวงพ่อ : กลุ้มเวลาปกติไม่เป็นไร ถ้ากลุ่มเวลาใกล้จะตายนี่ซิหมายถึงว่าเวลาใกล้จะตาย อย่าให้ใจมันกลุ้ม ถ้าจิตมันจะออกจากร่าง ถ้ากลุ้มจุดนี้ มีจุดเดียว ที่ท่านบอกว่า

จิต เต สังกิลิฏเฐ ทุคติ ปาฏิกังขา
ถ้าก่อนตายจิตกลุ้มอารมณ์ เศร้าหมองก็ไปทุคติ ความกลุ้มนี่ มันต้องกลุ่มทุกคนละ ใช่ไหม.......คนที่ไม่กลุ้มเมื่อยามปกติมีคนเดียวคือพระอรหันต์ ในเมื่อเป็นพระอรหันต์แล้วไม่กลุ้ม อย่างพระโสดาบันก็ต้องกลุ้ม พระสกิทาคาก็ยังมีกลุ้ม พระอนาคตมีก็ยังกลุ้ม แต่ท่านว่ากลุ้มในยามปกติแต่เวลาจะตายจริง ๆ ท่านไม่กลุ้ม ใช่ไหม...

การ กลุ้มในฐานะเราหวังดีต่อบิดามารดา แต่บังเอิญไปขัดใจกับท่าน ก้เป็นของธรรมดา แต่ว่าเวลาที่เราจะตาย จุดนั้นน่ะเขาถือ เวลาที่จะตายอย่างเดียวนะ แล้วก็ตายทันที ถ้าหากว่าเรากลุ้มอยู่เป็นปกตินี่ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หายไป ใช่ไหม........ฉะนั้นก็ฝึกระบายความกลุ้มซิ

อารมณ์กลุ้มจงพยายามอย่า ให้มันมี พยายามแก้ไขอารมณ์นั้นให้เสมอ ๆ ถ้ากลุ้มมันมีอยู่ พยายามฝืนความกลุ้ม ถือว่ามันเป็นกฎธรรมดาของการเกิด ถ้าเกิดมาแล้ว มีใครบ้างไหมที่ไม่พบอารมณ์อย่างเรา ทุกคนต้องประสบทั้งนั้น
ทีนี้ เราก็หาทางตัดมัน ถือว่าเป็นของธรรมดา สิ่งใดควรจะต้องทำเราต้องทำ สิ่งที่มันจะต้องกระทบ เราต้องหาทางแก้ไขเท่าที่มันจะทำได้ ต้องพยายามฝึกไว้เสมอ ๆ ถ้าไม่ฝึกแบบนี้ไว้มันต้องพบกับอารมณ์ขัดใจแน่นอน ทุกคนต้องมี
ถ้าเป็นลูกบ้านกลุ้มแค่ลูกบ้าน
เป็นพ่อบ้านแม่ บ้านก็กลุ้มมากกว่าลูกบ้าน
ถ้าเป็นผู้ใหญ่บ้าน ก็กลุ้มมากกว่าพ่อบ้านแม่บ้าน
ถ้าเป็นกำนันก็กลุ้มมากกว่า เพราะภาระมันหัก

ทีนี้เราก็ต้องคิด ถ้าอะไรมันเกิดขึ้นมันเป็นความทุกข์สำหรับเรา อย่างเราขัดข้องทางการเงิน เราก็ต้องมองคนที่เขาต่ำกว่าว่า คนที่จนกว่าเรามันมี อย่างนี้จะสร้างความภูมิใจให้ดีขึ้น อย่าไปมองคนสูงเสมอ มองที่เขาสูงกว่าเราก็ใจเสีย ต้องมองจุดที่ต่ำกว่าเรา ถ้าเรากลุ้มเราลำบากขนาดนี้ คนที่กลุ้มคนที่ลำบากกว่าเรายังมีอยู่ และถือว่าเราก็ยังดีอยู่

รวมความแล้วไม่มีอะไร ที่พระพุทธเจ้าสอนว่า ให้คนรู้จักกฎของธรรมดา คือยอมรับนับถือกฎของธรรมดา เมื่อยอมรับทราบมัน ถ้าสิ่งนั้นมากระทบ เราจะได้ไม่กลุ้ม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น